ค้นหาบล็อกนี้


26 กรกฎาคม 2554

RESUME.


5648_100679933282100_100000202812819_16586_618437_n.jpgRESUME.

Personal Detail
     - Name : Mr.Thuankreuawan Ekkapon
     - Address : 72 M.9 Tumbon Watpig,
       Ampher Mhuang, Phitsanulok 65000
     - Age : 25 years
     - Height : 170 Cms.
     - Weight : 118 Kgs.
     - Date of birth : Aug 08, 1986
     - Telephone : 083-6222903
     - E-mail : pa_pehot@hotmail.com

Educational Background :
     - Suandusit Rajabhat University, Bachelor in
       Management Science, Major was Business
       Computer.
     - 2003-2005, Phitsanulok Pittayakom School.

Training Background :
     - BIG C Supercenter Co.,Ltd., Nov 2011- Feb 2012

Working Experience :
     - Technical Staff, BIG C Supercenter Co.,Ltd.,

Special Abilities :
     - Can Speak, Write, Reading English.

Interests :
     - Sport, Travel.

References :
     - Mr. Singtong Sarawut, Lecturer at Suandusit
       Rajabhat University


(ใบปะหน้า่)

Dear Sir / Madam

Referring to your advertize in JOBdb.com 
in position of Technical Staff. I would appreciate to apply for this position. I very ensure that my background and experience as serve you well. Herewith my resume with file attached. I look forward to hearing from you soon or your convenience time. My contact number is 0-836-222-903. Personal
E-mail – pa_pehot@hotmail.com

                                                                    Sincerely yours,
          Mr. Thuankreuawan Ekkapon


บทที่ 4 Linked Lists (ลิงก์ลิสต์)


บทที่ 4 Linked Lists (ลิงก์ลิสต์)

แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับลิสต์แบบเชิงเส้น (Linear List Concepts)
      คุณสมบัติเรียงลำดับของข้อมูลภายในลิสต์ที่มีลักษณะเป็นลำดับต่อเนื่อง โดยสมาชิกหรืออิลิเมนต์แต่ละตัวจะเชื่อมโยงกับอิลิเมนต์ตัวถัดไปในลักษณะเป็นรายการต่อเนื่องกันไป
ลิสต์แบบเชิงเส้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ คือ
  1. ลิสต์แบบทั่วไป (General List) สามารถแทรกหรือลบรายการลิสต์ ณ ตำแหน่งใดๆ ก็ได้โดยปราศจากข้อจำกัดในด้านของการดำเนินงานภายในลิสต์ แบ่งเป็น ลิสต์แบบสุ่ม (Random List) และลิสต์แบบเรียงลำดับ (Order List)
  2. ลิสต์แบบมีข้อจำกัด (Restricted List) ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลบข้อมูลออกจากลิสต์จะต้องกระทำที่จุดปลายด้านใดด้านหนึ่งของลิสต์เท่านั้น อาจอยู่ในรูปแบบของลิสต์ชนิด FIFO หรือลิสต์ชนิด LIFO ก็ได้

การดำเนินงานพื้นฐานของลิสต์ (Basic Operations)
      ประกอบด้วย
  • Insertion คือการแทรก สามารถแทรกแบบสุ่ม หรือแบบเรียงก็ได้ แต่จะมุ่งเน้นเกี่ยวกับลิสต์แบบเรียงลำดับเป็นสำคัญ โดยจะใช้คีย์เป็นตัวระบุข้อมูลที่มีการแทรกข้อมูลเข้าไประหว่างลิสต์
  • Delete คือการลบ จะต้องทำการค้นหาตำแหน่งข้อมูลที่ต้องการลบก่อน เมื่อพบตำแหน่งที่ต้องการลบแล้ว จึงนำสมาชิกตำแหน่งนั้นออกจากลิสต์
  • Retrieval คือการอ่าน ขั้นแรกจะต้องค้นหาตำแหน่งข้อมูลที่ต้องการลบให้พบเสียก่อน จากนั้นก็ทำการอ่านหรือดึงข้อมูลออกมาใช้งาน โดยการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในลิสต์แต่อย่างใด
  • Traversal คือการท่องเข้าไปในลิสต์ จะทำการเดินท่องเข้าไปยังแต่ละอิลิเมนต์ตามลำดับภายในลิสต์ ซึ่งมักใช้อัลกอริทึมแบบลูปในการท่องเข้าไปในลิสต์มากกว่าที่จะดำเนินการด้วยวิธีค้นหา

แนวคิดของลิงก์ลิสต์ (Linked List Concepts)
      อิลิเมนต์แต่ละตัวภายในลิงก์ลิสต์จะมีการบรรจุแอดเดรสเพื่อชี้ไปยังตำแหน่งโหนดตัวถัดไป ซึ่งแต่ละโหนดจะบรรจุส่วนสำคัญอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ
  1. Data (ข้อมูล) มีการจัดเก็บสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อไปใช้ประมวลผลตามที่ต้องการ
  2. Link (ลิงก์) ใช้สำหรับเชื่อมโยงไปยังข้อมูล โดยเริ่มจากเฮดพอยน์เตอร์ที่ชี้ไปยังตำแหน่งโหนดแรกของลิสต์ ลิงก์ในแต่ละโหนดจะเชื่อมโยงไปยังโหนดตัวถัดไปเรื่อยๆ ส่วนชื่อของลิสต์จะเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อตัวแปรพอยน์เตอร์

โครงสร้างข้อมูลแบบลิงก์ลิสต์ (Linked List Data Structure)
      ประกอบด้วย
  1. โครงสร้างโหนดส่วนหัว (Head Node Structure) จะมีเพียงหนึ่งพอยน์เตอร์ที่ชี้ไปยังลิสต์ คือ “เฮดพอยน์เตอร์” เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ Create List ขึ้นมา
  2. โครงสร้างโหนดข้อมูล (Data Node Structure) ข้อมูลของลิสต์ขึ้นอยู่กับการนำไปประยุกต์ใช้

สรุป คุณสมบัติของลิงก์ลิสต์
  1. ลิงก์ลิสต์จะใช้เฮดพอยน์เตอร์เป็นตัวชี้ไปยังโหนดแรกของลิสต์ ในขณะที่พอยน์เตอร์หรือลิงก์ของแต่ละโหนดก็จะเชื่องโยงลิงก์ไปยังโหนดตัวถัดไป โดยโหนดตัวสุดท้ายที่ไม่มีลิงก์ให้เชื่อมต่อจะถูกกำหนดค่าให้เป็น null
  2. โหนดข้อมูลจะประกอบด้วย Data และ Link
  3. ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายภาพระหว่างโหนด
  4. ข้อมูลที่จัดเก็บภายในหน่วยความจำไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน
  5. กรณีที่เฮดพอยน์เตอร์ไม่มีตัวชี้หรือไม่มีสมาชิก จะถูกกำหนดค่าเป็น null ซึ่งหมายถึงลิสต์ว่างนั่นเอง

ข้อดีของลิงก์ลิสต์
  1. เป็นโครงสร้างที่ง่ายต่อการเพิ่มหรือลบข้อมูล
  2. ไม่จำเป็นต้องขยับอิลิเมนต์ของลิสต์ไปข้างหน้าเพื่อเกิดพื้นที่ว่าง
  3. ใช้พื้นที่หน่วยความจำได้เต็มประสิทธิภาพ
 
อัลกอริทึมของลิงก์ลิสต์ (Linked List Algorithm)
  • การสร้างลิสต์ (Create List) เป็นการกำหนดโครงสร้างโหนดส่วนหัว และกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับ Metadata สำหรับลิสต์
  • การแทรกโหนด (Insert Node) เป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับแทรกโหนดเข้าไปในลิสต์ ทำได้ 4 แบบ คือ
  1. การแทรกโหนดในลิสต์ว่าง
  2. การแทรกโหนดที่ตำแหน่งแรก
  3. การแทรกโหนดในส่วนกลางของลิสต์
  4.  การแทรกโหนดที่ท้ายลิสต์
  • การลบโหนด (Delete Node) โหนดทีถูกลบส่งคืนแก่หน่วยความจำระบบเพื่อจะได้นำไปใช้งานอื่นต่อไปแล้ว ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวชี้ใหม่ด้วย แบ่งเป็น
  1. การลบโหนดที่ตำแหน่งแรก (Delete First Node)
  2. การลบโหนดโดยทั่วไป (General Delete Case)
  • การค้นหาข้อมูลภายในลิสต์ (Search List) เป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลภายในลิสต์
  • การดึงข้อมูลจากโหนดออกมาใช้งาน (Retrieve Node) เริ่มด้วยการค้นหาโหนดจากตำแหน่งข้อมูลภายในลิสต์ หากพบข้อมูลที่ต้องการ ก็จะทำการเคลื่อนย้ายข้อมูลไปยังเอาต์พุตในส่วนของโมดูลที่เรียกใช้งาน
  • ลิสต์ว่าง (Empty List) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าภายในลิสต์ว่างหรือไม่
  • ลิสต์เต็ม (Full List) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าภายในลิสต์เต็มหรือไม่
  • จำนวนสมาชิกในลิสต์ (List Count) ภายในโมดูลจะมีเพียงประโยคคำสั่งเดียวเท่านั้น เป็นฟังก์ชันที่มีความสำคัญ
  • การท่องเข้าไปในลิสต์ (Traverse List) จะเริ่มที่โหนดแรกและสแกนไปทีละโหนดจนกระทั่งสิ้นสุดที่โหนดสุดท้าย
  • การยกเลิกการใช้งานลิสต์ (Destroy List) จะดำเนินการลบโหนดทุกโหนดที่ยังคงอยู่ภายในลิสต์ออกไปทั้งหมด และส่งคืนแก่หน่วยความจำระบบเพื่อนำไปใช้งานอื่นต่อไป

ลิงก์ลิสต์ชนิดอื่นๆ
  1. เซอร์คูลาร์ลิงก์ลิสต์ (Circular-Linked List) จะใช้ลิงก์ของโหนดสุดท้ายเชื่อมโยงไปยังโหนดแรกของลิสต์
  2. ดับเบิลลิงก์ลิสต์ (Double-Linked List) ในแต่ละโหนดจะประกอบไปด้วยพอยน์เตอร์อยู่  2 ตัว โดยตัวแรกจะใช้สำหรับชี้ไปยังตัวถัดไป และอีกตัวหนึ่งจะชี้ไปยังตัวก่อนหน้า



**********จบแล้วจ่ะ**********

11 กรกฎาคม 2554

การสัมภาษณ์งาน


การสัมภาษณ์งาน 
โดย อ.นงนุช บุญกล่ำ
การทักทาย
      -  Good morning How are you?
      -  Good morning I’m fine. / - Very well.

      - How do you do?      คุณเป็นอย่างไรบ้าง
      - How do you do to.

      - Nice to meet you?      ยินดีที่ได้พบ
      - Nice to meet you to.      ยินดีที่ได้พบเช่นกัน

      - Glad to meet you?
      - Glad to meet you to.

ผู้สัมภาษณ์
-     Could you please introduce yourself briefly?
or
-    Would you mind telling me about yourself briefly?
คุณช่วยแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง แบบย่อๆ

แนะนำตัวเอง
-                 May I introduce myself?
-                 My name is      ( ชื่อ )    .

-                 What are you doing now?     
คุณกำลังทำอะไรอยู่
-                 I’m working at   ( ชื่อบริษัท )   .
or
-                 I’m still out of work.  หางานยังไม่ได้

-                 My name is       ( ชื่อ )       .
I’m now       ( อายุ )      year old.
I have      ( จำนวน )     brother / sister.
I graduated from    ( ชื่อสถาบัน )   
university.
I did a B.A. in    ( ชื่อคณะ )    .
My major was   ( สาขาเอก )     .

รูปแบบการสัมภาษณ์
      -   What company are you 
           working for?
คุณเคยทำงานบริษัทอะไร
      -   I’m working for   ( ชื่อบริษัท )    .

      -   What is your position there?
คุณทำตำแหน่งอะไร
      -   I’m working as a    ( ชื่อตำแหน่ง )   .

      -   When are you going to start?
คุณพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่
      -    ( ระบุวันที่เริ่มงาน )   .

      -   What salary do you expect?
เงินเดือนที่คุณต้องการ
      -   ( ระบุจำนวนเงินเดือนที่ต้องการ )  .

      -   Why do you do during your 
           free time?
เวลาว่างคุณทำอะไร
      -   ( ระบุชื่อกิจกรรม )   .

      -   Can you drive a car?

      -   Can you speak Eng?


********** จบแล้วจ่ะ **********


4 กรกฎาคม 2554

Joomla คือ....

Joomla คือซอฟต์แวร์ระบบการจัดการข้อมูล

ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด ซึ่งทำให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์

หรือระบบงานออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพมีข้อดีหลายประการที่รวมอยู่ใน Joomla

เช่น การใช้งานง่าย และสามารถขยายความสามารถได้โดยใช้โปรแกรเสริม จึงทำให้ Joomla เป็น

ซอฟต์แวร์สำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด

Joomla เป็นซอฟต์แวร์เปิดเผยรหัส (Opensource) ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรีและอิสระ



 คือโปรแกรม open source ที่เป็นระบบบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซต์  ซึ่งถูกพัฒนาด้วย

PHP และใช้ฐานข้อมูลของ MySQL ในการเก็บข้อมูล มีเทคนิคการเขียนโปรแกรม

ขั้นสูงภายใต้มาตรฐาน XHTML สามารถทำงานได้หลายแพลตฟอร์มที่รองรับ 

PHP และ mySQL ทั้งนี้ Joomla ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทีมพัฒนา

ที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยระยะเริ่มต้น Joomla

ได้มุ่งเน้นเพื่อใช้ในการพัฒนา Coporate Website หรือเว็บไซต์ของบริษัทและ

องค์กรต่างๆ รวมไปถึงเว็บ Intranet ภายในหน่วยงาน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความ

สวยงามของรูปแบบที่ดูเป็นสากล รวมถึงความง่ายต่อการใช้งานของทั้งผู้พัฒนา

และผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างจาก CMS ทั่วไป ตรงที่คุณสามารถ

ออกแบบและสร้างหน้าตาของเว็บไซต์ (Template) ได้ตามต้องการ

และเนื่องจากการพัฒนา Joomla!TM ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน

มีเครื่องมือเสริมหลายตัวที่ช่วยในการนำไปใช้สร้างเว็บไซต์ได้ หลายประเภท

มากขึ้น อาทิ การสร้างเว็บไซต์เชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Commerce

การสร้างเว็บท่า (Portals) การสร้างเว็บไซต์เพื่อใช้เป็น Community

และเว็บไซต์ประเภทอื่นๆ หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้

หาก คุณต้องการที่จะสร้างเว็บไซต์ แต่ไม่เคยรู้ว่าจะทำได้อย่างไร Joomla

สามารถช่วยได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมอย่าง

HTML, XML, DHTML, PHP หรือแม้แต่ MySQL ซึ่งคุณสามารถเพิ่มเติมและ

เปลี่ยนแปลงเนื้อหา โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการแก้ไขโปรแกรม รวมถึง

Joomla! ยังไม่มีขีดจำกัดในเรื่องของการออกแบบ ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยน

หน้าตาเว็บไซต์ของคุณได้สวยงามตามต้องการ

ประสิทธิภาพและความสามารถของ Joomla

 คือ การทำให้คุณสามารถจัดการกับเนื้อหาหรือข้อความ (Content) ได้โดยตรงผ่านหน้าเว็บ โดยผู้บริหารเว็บหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านโปรแกรมเช่น HTML ในการอัพเดทเว็บ เพราะ Joomla! มี editor ออนไลน์ เช่น WYSIWYG editor ไว้เพื่อการจัดรูปแบบข้อความตัวอักษร (Text) และรูปภาพ ยิ่งกว่านั้นคุณไม่จำเป็นที่ต้องอัพโหลดเอกสารด้วยโปรแกรม FTP เพียงแค่คลิกปุ่ม save หรือ apply หน้าเว็บของคุณก็จะออนไลน์เตรียมพร้อมรับผู้เข้าชมที่จะเข้ามาดูในเว็บของ คุณได้ทันที

 

**********จบแล้วจ่ะ**********



3 กรกฎาคม 2554

วิธีเขียนสูตรคณิตศาสตร์ใน Microsoft Word 2007

Equation (สมการ) คืออะไร


สูตรหรือสมการทางคณิตศาสตร์ เพื่อแทนค่าหรือความหมายในการคำนวณ โดยจะมีสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งบุคคลทั่วไปที่ไม่เรียน หรือไม่ได้สนใจ คงค่อนข้างลำบากมากในการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม การเขียนสูตรทางคณิตศาสตร์ในคอมพิวเตอร์ ก็จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือช่วยในการเขียนโดยเฉพาะ สำหรับวิธีการเขียนสูตรใน Microsoft Word 2007 มีดังนี้

วิธีเขียนสูตรคณิตศาสตร์ใน Microsoft Word 2007

Equation Word 2007

  1. เปิดโปรแกรม Microsoft Word 2007
  2. คลิกแท็ปเมนู Insert
  3. เลือกคำสั่ง Equation (สมการ)
  4. จะเห็นแท็ป Equation แสดงเป็นแท็ปสุดท้าย พร้อมแสดงรายละเอียดต่างๆ
  5. เลือกรูปแบบคำสั่ง สมการ ที่ต้องการ
  6. ข้อสังเกตุ จะเห็นว่าคำสั่งต่างๆ จะมีช่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นช่องให้เติมค่าที่ต้องการใส่ลงไป
ทิป การใช้งาน เราสามารถสั่งพิมพ์ คำสั่งสมการ และ copy ไปใช้งานร่วมกับ Microsoft PowerPoint หรือ Microsoft Excel ได้ทันที